• 1,680

สธ. เร่งพัฒนาระบบข้อมูลกำกับติดตามกัญชา-กัญชง ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ถึงผู้บริโภคใช้เพื่อตัดสินใจลงทุนของผู้ประกอบการ และบูรณาการภาครัฐ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 เวลา 13.00-16.30 น ได้มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ครั้งที่ 3 โดยมีวาระติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงานเร่งรัด (Quick win) เพื่อผลักดันกัญชา-กัญชงสู่พืชเศรษฐกิจ ด้วยการบูรณาการของหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่งานต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ

ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษาสถาบันกัญชาทางการแพทย์ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ ได้ให้รายละเอียดการประชุมในครั้งนี้ว่า

“ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้จะทำให้ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับมาตรการรับมือการแพร่ระบาดเป็นหลัก แต่ก็จะทิ้งงานใดไปไม่ได้ ทุกนโยบายยังคงต้องดำเนินต่อ ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขที่มีความตั้งใจขับเคลื่อนดำเนินการตามแผนงาน จนนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง เช่น การลดระยะเวลาและขั้นตอนในกระบวนการขออนุญาตปลูก ผลิต และจำหน่ายให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น การใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพติดในทางเศรษฐกิจ โดยการนำไปเป็นส่วนประกอบในอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ และคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชาได้มากขึ้น”

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ งานต้นน้ำ ได้แก่ การจัดธนาคารเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ากัญชา-กัญชง ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการให้ทันกับกฎกระทรวงว่าด้วยกัญชงจะมีผลบังคับใช้ วันที่ 29 มกราคม 2564 เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ากัญชงที่มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน โดยได้ประสานงานเบื้องต้นไปกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อช่วยจัดหาให้ในระยะแรก
สำหรับงานปลายน้ำ ได้แก่ การจัดทำแนวทางการอนุมัติผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชง โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งจากประสบการณ์การใช้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ การจัดการความเสี่ยงของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ และการจัดทำแนวทางการจัดบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ โดยความร่วมมือระหว่าง กรมการแพทย์ กับ กรมแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่ง นพ.กิตติ โล่สุวรรณรักษ์ ผอ.สถาบัน กัญชาทางการแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการตามภารกิจของสถาบัน ฯ ต่อไป

ดร.ภก.อนันต์ชัย ได้กล่าวทิ้งท้าย “สำหรับประเด็นที่ได้รับความสนใจในการประชุมครั้งนี้คือ การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในการกำกับดูแลและติดตามกัญชา-กัญชง ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์จนถึงมือผู้บริโภค โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก็ได้ดำเนินการมาในระดับหนึ่งแล้ว และจะมีการยกระดับให้สามารถประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ เพื่อให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของผู้ประกอบการ และเพื่อให้สามารถวางแผนเชิงนโยบายบนพื้นฐานของข้อมูลจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น

การศึกษาในต่างประเทศพบว่า ทิศทางและแรงลมสามารถทำให้เกสรปลิวได้ไกลถึง 10 ไมล์

ดังนั้นในการขออนุญาตปลูกกัญชา-กัญชง จะต้องมีการกำหนดระยะห่างระหว่างต้น เพื่อไม่ให้เกิดการผสมของเกสร เนื่องจากดอกเพศเมียมีมูลค่าสูงกว่าและเป็นที่ต้องการในตลาดอุตสาหกรรม จากตรงนี้ อย. ก็จะมีข้อมูลให้ผู้ประกอบการพิจารณาในระหว่างที่มาขออนุญาตปลูกกัญชา-กัญชง ซึ่งระบบเรียลไทม์นี้คาดว่าจะเปิดใช้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้”



Cann Society - Thailand