- Cann Society News
-
by ADMIN BKK
“อภัยภูเบศร” ชี้แจงการนำใบกัญชามาปรุงอาหาร เป็นส่วนที่ปลดล็อกแล้ว กินในปริมาณที่เหมาะสม ยันนำต้นที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกถูกต้องตามกฎหมาย
จากกรณีอภัยภูเบศร เดย์สปา หน่วยงานในเครือโรงพยาบาลอภัยภูเบศร เปิดเมนูอาหารจากกัญชาหลากหลายเมนู เช่น รื่นเริงบันเทิงยำ ข้าวกะเพราสุขใจ ซึ่งได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์เป็นอย่างมากนั้น
ล่าสุด วันที่ 7 มกราคม 2564 ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ได้ชี้แจงเรื่อง การนําใบกัญชาปรุงเป็นอาหาร
โดยระบุว่า การประชาสัมพันธ์กิจกรรมพิเศษดังกล่าว เป็นการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้รับการปลดล็อก จากการเป็นยาเสพติด ตามราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวง สาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2553
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ได้กําหนดให้ ใบ ราก ลําต้นกัญชา ไม่ถูกจัดเป็นยาเสพติดแล้ว สามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องนำวัตถุดิบมาจากต้นที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น (พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฉ 7 อนุญาตภาครัฐที่มีภารกิจ อาจร่วมกับวิสาหกิจชุมชนได้)
เนื่องจาก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นหน่วยงานนําร่องในด้านการพัฒนากัญชาและการใช้ประโยชน์ ตั้งแต่การปลูก ผลิตทำยาและใช้ในเชิงการแพทย์เพื่อรักษาโรค รวมถึงการพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์และการเพิ่มมูลค่าในอนาคต (จากส่วนที่ปลดล็อก)
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเป็นมาตรฐาน ทางอภัยภูเบศรเดย์สปา เป็นศูนย์ฝึกอบรมภูมิปัญญาสมุนไพร ได้เริ่มต้นพัฒนาเมนูจากกัญชา บนพื้นฐานความปลอดภัยตามหลักฐานเชิงประจักษ์ โดยทํานำร่องเป็นต้นแบบเพื่อถ่ายทอดต่อประชาชน ผู้ประกอบการที่สนใจในอนาคต
โดยเริ่มต้นที่การพัฒนาเมนูอาหาร และจําหน่ายที่อภัยภูเบศรเดย์สปา และในอนาคตจะเปิด ให้มีการฝึกอบรมให้กับบุคลากร องค์กร ประชาชน และผู้ประกอบการที่สนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก กัญชาตามนโยบายการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชา-กัญชง
สําหรับประชาชนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากกัญชา ส่วนที่ได้รับการปลดล็อกแล้วนั้น
1. ต้องมีองค์ความรู้ เพื่อให้เกิดการใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัย
2. ต้องขออนุญาตใช้และปลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมายผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (อย.)
ปัจจุบัน กัญชายังไม่สามารถปลูกได้ทั่วไป ผู้ที่จะปลูกต้องขออนุญาตตามขั้นตอน โดยต้องทํางานร่วมกับภาครัฐ สถาบันการศึกษา รัฐวิสาหกิจชุมชน จึงจะสามารถปลูกได้ในส่วนของภาคเอกชน หากต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แนะนําให้รอการอนุมัติการปลูกและใช้พืชกัญชง ซึ่งสามารถใช้ได้ง่ายและมีความปลอดภัยกว่ากัญชา โดยจะมีแนวทางประกาศให้ทราบในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ การนําไปใช้ จําเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เพื่อไม่ให้เกิดโทษต่อผู้บริโภค ดังนั้น จึงใส่ข้อจํากัดในการใช้ตามเอกสารไว้ด้วย รวมถึงข้อห้ามข้อจํากัดว่าใครบ้างที่ไม่ควรใช้ เนื่องจากกัญชาในอาหารยังเป็นสิ่งใหม่ต่อสังคมไทย เพราะถูกจัดเป็นยาเสพติดมามากกว่า 60 ปี เมื่อจะนํามาสู่สังคมจึงต้องมีการใช้อย่างระมัดระวังและคํานึงถึงความปลอดภัยโดยรวมด้วย.
Reference
https://www.thairath.co.th/news/society/2008355